ผื่นแพ้ - สาเหตุ อาการ และแนวทางการดูแล
- กรุงเทพทิพโอสถ
- 20 ต.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 23 ต.ค.

ความหมายและกลไกการเกิด
ผื่นแพ้สัมผัสเป็นโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคืองโดยตรง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
ผื่นระคายเคืองสัมผัส (Irritant):
เกิดจากการสัมผัสสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น กรด ด่าง สารทำความสะอาด โดยไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic Contact Dermatitis): เป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันแบบ delayed-type hypersensitivity (Type IV) ต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น นิกเกิล ยางลาเท็กซ์ น้ำหอม หรือสารเคมีในเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์
การตอบสนองของร่างกายจะเกิดขึ้นหลังจากมีการสัมผัสซ้ำหลายครั้ง โดย T lymphocytes จะจดจำสารก่อแพ้และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในผิวหนัง (วรัญญา บุญชัย, 2023)
อาการที่พบ
ผิวหนังบริเวณที่สัมผัสจะมีอาการคัน แดง บวม หรือเกิดตุ่มน้ำใส
อาจมีอาการลอกเป็นขุย ผิวแตก หรือหนาตัวหากเป็นเรื้อรัง
ในบางรายอาจมีรอยดำหรือรอยแผลเป็นตามมา
สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย
จากการศึกษาของศิริราชพยาบาลและศูนย์วิจัยไรฝุ่น พบว่าสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในคนไทย ได้แก่:
นิกเกิล (ในเครื่องประดับ)
ลาเท็กซ์ (ในถุงมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์)
สารกันเสียและน้ำหอม (ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว)
ไรฝุ่น และ สารเคมีในอุตสาหกรรม เช่น formaldehyde, paraphenylenediamine (PPD)
การพัฒนาแผ่นทดสอบผื่นแพ้สัมผัส (Patch Test) ที่ครอบคลุมสารก่อภูมิแพ้ในประเทศจึงมีความสำคัญในการวินิจฉัยและป้องกัน (NSTDA, 2023)
แนวทางการดูแลและป้องกัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้โดยตรง
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและสารกันเสีย
สวมถุงมือหรืออุปกรณ์ป้องกันเมื่อทำงานกับสารเคมี
ใช้ยาทา corticosteroids หรือยาต้านฮิสตามีนตามคำแนะนำแพทย์
ในกรณีเรื้อรัง ควรตรวจ patch test เพื่อระบุสารก่อภูมิแพ้เฉพาะบุคคล
ผื่นแพ้ - ดูแลจากต้นเหตุ เสริมจากภายในอย่างชาญฉลาด
ผื่นแพ้สัมผัสแก้ที่ต้นเหตุได้ดีที่สุดด้วยการหลีกเลี่ยงสารก่อแพ้ที่รู้แล้วว่าเป็นปัจจัยกระตุ้น แต่ในโลกจริงเราเลี่ยงสารทุกชนิดได้ไม่หมด การเสริมแนวทางการดูแลจากภายในเพื่อช่วยให้ร่างกายจัดการสารก่อแพ้ได้ดีขึ้นจึงเป็นแนวทางเสริมที่มีคุณค่า เมื่อภูมิคุ้มกันและระบบน้ำเหลืองทำงานสมดุล ร่างกายจะตอบสนองต่อการสัมผัสสารเหล่านั้นได้เหมาะสมขึ้น ไม่อักเสบรุนแรงและการกำเริบซ้ำก็ลดน้อยลง
ทำไมการเสริมภูมิและน้ำเหลืองถึงสำคัญ
เมื่อผิวเจอสารก่อแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันจะส่งสัญญาณให้เกิดการอักเสบเพื่อลดหรือขจัดสารแปลกปลอม แต่ถ้าการตอบสนองนี้มากเกินจำเป็น หรือระบบน้ำเหลืองไม่สามารถขจัดของเสียได้เต็มที่ การอักเสบจะลากยาวจนผิวเกิดผื่น บางครั้งการตอบสนองของภูมิคุ้มกันก็ทำงานไม่สมดุล ทำให้มีการตอบสนองแบบรุนแรงซ้ำได้ง่าย
การเสริมสมดุลภูมิคุ้มกัน (immunomodulation) และกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลืองช่วยให้:
ลดสัญญาณการอักเสบที่ไม่จำเป็น
เพิ่มการขจัดของเสียและสารก่อแพ้จากเนื้อเยื่อ
ทำให้การตอบสนองต่อการสัมผัสครั้งต่อไปไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน
ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ
ยาประดงจะช่วยเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันและน้ำเหลือง ทำให้สามารถจัดการสารก่อแพ้ที่เข้าสู่ร่างกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังเช่นที่ร่างกายอักเสบเมื่อเจอสารเหล่านี้เพราะพยายามขับเอาสารก่อแพ้ออก แต่เพราะภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ บางครั้งจึงทำงานมากเกินไปจนอักเสบมากเกิน ตัวยาจะมีสมุนไพรที่ช่วยส่งเสริมการทำงานให้สมดุลขึ้น ร่างกายจึงจัดการของเสียสารก่อแพ้เหล่านี้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากอาการเป็นซ้ำก็จะไม่รุนแรงเท่าเดิมเพราะภูมิเราแข็งแรงขึ้นแล้ว ทั้งนี้สามารถปรึกษาแพทย์ฯผู้เชี่ยวชาญของเราได้ฟรี! เพราะเราคือ
กรุงเทพทิพโอสถ "เคียงข้าง...ทุกลมหายใจ"
LINE OA: @bangkoktiposod
โทร. 02-441-4966 ถึง 67
Facebook: http://www.facebook.com/bangkoktiposod
อ้างอิง
วรัญญา บุญชัย. (2023). คุณภาพรักษาโรคผื่นแพ้สัมผัสด้วยงานวิจัย. สาระวิทย์ สวทช. [online] Available at: https://www.nstda.or.th/sci2pub/contact-dermatitis/ [Accessed 20 Oct. 2025].
วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. (2020). การวิเคราะห์สาเหตุของโรคผื่นแพ้สัมผัสในกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยง. [online] Available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Reg11MedJ/article/download/246278/176323 [Accessed 20 Oct. 2025].
มหาวิทยาลัยบูรพา. (2021). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์: แนวทางคัดกรองภาวะผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ. [online] Available at: https://buuir.buu.ac.th/bitstream/1234567890/1816/1/2564_135.pdf [Accessed 20 Oct. 2025].

